วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓
"ขอน้อมกราบถวายสักการะองค์พระปฐมบูรพาจารย์ด้วยเศียรเกล้า"
juan 05

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (จวน อุฏฺฐายีมหาเถร) องค์พระปฐมบูรพาจารย์ผู้ทรงมีพระดำริให้ก่อตั้งสถาบันการศึกษา หรือโรงเรียนพระปริยัติธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณร คือ "โรงเรียนวชิรมกุฏ" และ"มหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย" บ้านหลังที่สองของพวกเรา

พระองค์ทรงประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๔๔๐ ที่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

ทรงมีพระนามเดิมว่า ลำจวน ศิริสม ต่อมาเปลี่ยนเป็น จวน

ทรงบรรพชาเป็นสามเณร ณ พระอุโบสถ วัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๔๕๗

ทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๔๖๐ โดยมีพระธรรมปาโมกข์ (ถม วราสโย) เป็นพระอุปัชฌาย์ทั้งขณะทรงบรรพชาและทรงอุปสมบท และมีพระราชกวี (แจ่ม จตฺตสลฺโล) เป็นพระสรณคมนาจารย์ และพระกรรมวาจาจารย์ ขณะทรงบรรพชาและทรงอุปสมบท โดยลำดับ

พระกรณียกิจที่สำคัญยิ่ง คือ

เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙
ขณะทรงดำรงสมณศักดิ์ที่พระสาสนโสภณ ทรงเป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถพิตร รัชกาลที่ ๙ เมื่อคราวเสด็จออกผนวชเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ภายในพระบรมมหาราชวัง

วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
ทรงเป็นประธานสงฆ์ในพิธีแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระผู้ทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๑๐ ขณะทรงพระอิสริยศักดิ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฏราชกุมาร

ด้วยคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อพระพุทธศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๘ ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตามพระนามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ฯ

ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ได้ทรงสนพระทัย มีพระวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และทรงสนับสนุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณร ตลอดทั้งของกุลบุตรและกุลธิดาโดยทั่วไปอย่างสูง

ทรงเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างสูงยิ่งของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยทรงมีพระจริยวัตรที่งดงาม เป็นนักเผยแผ่ เป็นพระสุปฏิปันโน และทรงประทานพระเมตตาอันไม่มีประมาณ เสมอมา

วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๑๔ เวลา ๑๐.๐๕ น. พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ ขณะมีพระชันษาได้ ๗๔ พรรษา ๓๓๖ วัน

หลังทรงดำรงตำแหน่งประมุขสูงสุดของคณะสงฆ์เป็นเวลา ๖ ปี ๒๒ วัน

ทรงครองสมณเพศเป็นสามเณร ๓ พรรษา และพระภิกษุ ๕๔ พรรษา ๓๓๖ วัน

ทรงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม ราชวรวิหาร เป็นเวลา ๒๗ พรรษา

หากยังทรงดำรงพระชนม์อยู่ จนถึง ณ บัดนี้ จะทรงมีพระชันษาครบ ๑๒๓ พรรษา ในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓

การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชนทั้งปวง ยังความเศร้าโศกเสียใจให้เกิดขึ้นเหลือคณนา

แม้จะทรงสิ้นพระชนม์แล้ว แต่พระเมตตาของพระองค์ยังคงดำรงอยู่มิเสื่อมคลาย

ด้วยพระเมตตาของพระองค์ ทำให้เกล้ากระหม่อมทั้งปวงได้รับโอกาสได้บรรพชา อุปสมบท ศึกษาเล่าเรียน ดำรงตน และประกอบสัมมาชีพโดยธรรม ตลอดมา

เกล้ากระหม่อมทั้งปวงจะขอน้อมกราบถวายสักการะด้วยรำลึกในพระเมตตาที่ทรงมีต่อเกล้ากระหม่อมทั้งปวงด้วยเศียรเกล้า ตลอดไป.

วิริยะ ขันติ สัจจะ กตัญญู

สมาคมศิษย์เก่ามหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย
-----------------------------------------